กระดุม คือ อุปกรณ์ตัดเย็บชิ้นกลมๆเล็กๆ ที่ทุกคนต้องเคยพบเห็น แต่มีใครเคยรู้กระดุมแบบเจาะลึกกันบ้าง
ทราบกันหรือไม่? ว่ากระดุมที่ทุกคนเคยเห็นผ่านตากันมานั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 5,000 ปี โดยในอดีตผู้คนมักใช้กระดุมเป็นเครื่องบ่งบอก ฐานะความร่ำรวย คนที่ใช้กระดุมได้จะมีแต่ระดับเหล่าขุนนางขึ้นไปแล้วเท่านั้น โดยกระดุมในยุคแรกทำจากเปลือกหอย แล้วพัฒนามาเป็นเขาสัตว์ หนังสัตว์ ต่อจากก็เป็นพวกทองคำ หรือโลหะนำไปแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งมีมูลค่าสูง
Cr. www.aramcoworld.com
จนมาถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมที่กระดุมถูกผลิตได้ในจำนวนที่มากขึ้น ทำให้มีราคาถูกลง ชาวบ้านทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งานได้มากขึ้น และในยุคนั้นก็เริ่มมีการผลิตกระดุมจากพลาสติกขึ้นมาใช้
กระดุมมีการถูกพัฒนาหน้าตาและวัสดุที่ทำเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เกิดเป็นกระดุมหลากหลายขนาด หลากหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ซึ่งเริ่มแรกนั้น เราควรจะรู้เรื่องขนาดของกระดุมที่เหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆ
การวัดขนาดของกระดุม จะใช้ไม้บรรทัดวัดผ่านเส้นผ่าศูนย์กลางของกระดุม โดยใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร จะได้เป็นตัวเลขของขนาดกระดุมต่าง ซึ่งมีการนำไปใช้งาน ดังนี้
ขนาด 9 มิลลิเมตร ใช้ติดบริเวณปกคอเสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล
ขนาด 11 – 13 มิลลิเมตร ใช้ติดกระดุมเสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล
ขนาด 15 มิลลิเมตร ใช้ติดข้อแขนเสื้อสูท
ขนาด 18 – 20 มิลลิเมตร ใช้ติดกระดุมหัวกางเกง
ขนาด 20 มิลลิเมตรขึ้นไป ใช้ติดเสื้อสูท โค้ท หรือแจ็คเก็ต
เมื่อทราบถึงขนาดกระดุมไซซ์ต่างๆเหมาะกับการนำไปใช้งานอย่างไรบ้างแล้วนั้น เรื่องการเลือกใช้ประเภทของกระดุมให้เข้ากับเนื้อผ้าลักษณะต่างๆก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
กระดุมฝังเพชร และกระดุมเพชร : ใช้ติดตกแต่งบนชุดผ้าไทย ผ้าลูกไม้ ถ้าเป็นเพชรทั้งเม็ด บางครั้งก็นำไปตกแต่งบนเฟอร์นิเจอร์ เช่น โซฟา
กระดุมมุก : นิยมติดบนชุดผ้าไทย ผ้าลูกไม้ ชุดเจ้าสาว และชุดราตรี
กระดุมโพลีเอสเตอร์ (กระดุมพลาสติก) : เหมาะสำหรับการติดบนเสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล สูท แจ็คเก็ต โค้ท หรือเสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ
กระดุมไม้ : ใช้ติดบนเสื้อผ้าแนววินเทจ เสื้อผ้าเด็ก เพราะว่ากระดุมไม้ไม่แตกหักง่าย และทำมาจากวัสดุธรรมชาติปลอดภัยต่อเด็ก
กระดุมทองเหลือง : เหมาะใช้กับงานแฟชั่น เช่น งานผ้าทวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ชาแนล ผ้าลายตาราง ผ้าลายชิโนริ จะช่วยขับให้เสื้อผ้าดูหรูหรามากยิ่งขึ้น
กระดุมเหล็ก : ใช้กับเสื้อสูท แจ็คเก็ต ทำให้เสื้อผ้าชิ้นนั้นๆดูเนี้ยบ และดูมีราคามากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้หลายคนอาจจะเคยสงสัยกันว่า กระดุมแบบ 2 รู และ แบบ 4 รูนั้น มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันหรือไม่ คำตอบคือสามารถใช้งานได้เหมือนกัน แต่กระดุมแบบ 2 รูนั้น จะเหมาะสำหรับการติดบนผ้าที่มีเนื้อบาง ส่วนแบบ 4 รูนั้น จะเหมาะสำหรับการติดบนผ้าเนื้อหนา ซึ่งกระดุมทั้ง 2 แบบนั้น ก็มีวิธีการเย็บที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ซึ่งถ้าใครอยากทราบเพิ่มเติม ทางโรงเรียนบุนกะก็มีคอร์สสำหรับปูพื้นฐานความรู้เบื้องต้นทางด้านตัดเย็บ อย่างคอร์ส Practice Sewing ที่จะสอนเนื้อหาตั้งแต่การวัดตัวที่ถูกต้อง การติดตะขอ ติดกระดุม ทำตะเข็บ รวมไปถึงการเย็บมือ และการเย็บด้วยจักร อีกด้วย
ขอขอบคุณร้าน ฮง การเมนท์ที่เอื้อเฟื้อความรู้ดีๆมาฝากกันในครั้งนี้
Inbox : m.me/BunkaFashionSchool
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bunkafashion.com